ปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่ทำให้คนวัยทำงานมีแนวโน้มผันตัวมาเป็นฟรีแลนซ์หรือแรงงานอิสระมากขึ้น ทั้งภาวะเศรษฐกิจหดตัวที่ทำให้การจ้างงานระยะยาวน้อยลง และค่านิยมในสังคมยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับอิสรภาพของปัจเจกบุคคลมากขึ้น จนกระทั่งมีคำอธิบายสภาพเศรษฐกิจยุคใหม่ว่าเป็น Gig Economy ซึ่งหมายถึงระบบเศรษฐกิจที่แรงงานทำงานเป็นครั้งคราวและไม่มีรายได้ประจำ แม้จะฟังดูเป็นชีวิตที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน เพราะมีอิสระและสามารถจัดการเวลาของตัวเองได้ แต่ปัญหาหนึ่งที่สำคัญของฟรีแลนซ์คือความมั่นคงทางการเงิน บทความนี้จึงชวนทุกคนที่ใฝ่ฝันถึงความอิสระมารู้จักเทคนิคการวางแผนการ เงินสำหรับผู้ไม่มีรายได้ประจำ ทำอย่างไรถึงจะมีความมั่นคงทางการเงิน

✅1.สำรองเงินเผื่อความไม่แน่นอน
สิ่งควบคู่มากับการเป็นฟรีแลนซ์คือรายได้ที่ไม่แน่นอน แต่กลับมีรายจ่ายสม่ำเสมอเนื่องจากการกินอยู่ในชีวิตประจำวันและการซื้ออุปกรณ์ทำงาน ดังนั้น ผู้ทำอาชีพอิสระจึงต้องสร้างความมั่นคงให้ตนเองด้วยการสำรองเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเสมอ โดยควรมีเงินสำรองไว้เผื่อช่วงเวลาที่ไม่มีรายได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 – 6 เดือน แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยกว่านั้นควรมีเงินสำรองสำหรับการใช้ชีวิต 1 ปี เพราะนอกจากจะไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ในอนาคตได้แล้ว หากเกิดกรณีฉุกเฉิน ฟรีแลนซ์ก็อาจไม่มีสวัสดิการต่าง ๆ มารองรับเหมือนผู้มีรายได้ประจำที่มีนายจ้างรับผิดชอบ มนุษย์ฟรีแลนซ์จึงจำเป็นต้องมีเงินก้อนไว้สร้างความมั่นคงให้แก่ตนเอง
✅2.เตรียมพร้อมรับมือเรื่องฉุกเฉิน
การใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่ที่ไม่คาดคิดถือเป็นฝันร้ายของผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ หากวางแผนการเงินไว้ไม่ดีพออาจทำให้ชีวิตลำบากถึงขั้นล้มละลายได้ ดังนั้นมนุษย์ฟรีแลนซ์ควรเตรียมพร้อมรับมือเรื่องฉุกเฉินเสมอ โดยวิธีการหนึ่งคือการทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพเพื่อสร้างความมั่นใจว่าหากเป็นอะไรขึ้นมา เราจะสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลและมีรายได้ชดเชยในยามเจ็บป่วย
✅3.มีเป้าหมายเพื่อ วางแผนการเงิน วัยเกษียณ
มนุษย์เราคงจะไม่มีใครอยากเหนื่อยทำงานหาเงินไปตลอดชีวิตไม่ว่าจะฟรีแลนซ์หรือพนักงานประจำ แต่ฟรีแลนซ์อาจต้องมีวินัยและ วางแผนการเงิน สำหรับเป้าหมายระยะยาวให้รัดกุมมากกว่าอาชีพอื่น ๆ เพราะไม่มีสวัสดิการหลังเกษียณจากนายจ้างมารองรับ ซึ่งการ วางแผนการเงิน สามารถทำได้โดยคำนวณจากอายุการทำงานที่เหลือ กับความสามารถในการเก็บออมอย่างสม่ำเสมอของตนเอง รวมถึงควรศึกษาการลงทุนระยะยาวว่าตนเองเหมาะสมกับการลงทุนรูปแบบใด รับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน ซึ่งการลงทุนเพื่อการเกษียณมีหลายรูปแบบ เช่น การสะสมหุ้น การซื้อกองทุนรวม การซื้อประกันออมทรัพย์ เป็นต้น
นอกจากเหนือจากเทคนิคบริหารการเงินเหล่านี้แล้ว สิ่งที่จะช่วยให้ฟรีแลนซ์มีความมั่นคงได้คือการเรียนรู้ทักษะใหม่และปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยี หรือความต้องการของตลาดงานอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถฉกฉวยโอกาสสร้างรายได้ได้อย่างต่อเนื่อง หากสามารถกำจัดอุปสรรคความไม่แน่นอนทางการเงินได้แล้ว ฟรีแลนซ์ก็ถือเป็นชีวิตการทำงานอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจและน่าจะมีความสุขไม่น้อยสำหรับคนรุ่นใหม่ที่รักอิสระ
✅ 4. แยกรายได้–รายจ่ายส่วนตัวและงาน
- เปิดบัญชีแยกสำหรับรับเงินจากลูกค้า
- บัญชีส่วนตัวไว้ใช้จ่ายชีวิตประจำวัน
- ทำให้รู้ว่ารายได้จริงจากงานคือเท่าไหร่ และควบคุมการใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น
✅ 5. ตั้งงบประมาณรายเดือน
- คำนวณค่าใช้จ่ายขั้นต่ำที่ต้องมีในแต่ละเดือน (เช่น ค่าเช่า, อาหาร, ประกัน)
- ตั้ง “ฐานรายได้” ว่าอย่างน้อยต้องหางานให้ได้กี่บาทต่อเดือนเพื่ออยู่ได้
- ถ้ารายได้เกินเป้า ค่อยกันเงินไว้สำหรับเดือนที่รายได้ลด
✅ 6. จัดสรรเงินเป็นสัดส่วน
ตัวอย่างเช่น:
- 50% ค่าใช้จ่ายจำเป็น
- 20% เงินออม/ลงทุน
- 20% ภาษี
- 10% เงินสำรอง/ฉุกเฉิน
✅ 7. สร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน
- ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 6 เดือนของค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ
- เงินนี้ควรอยู่ในบัญชีที่ถอนง่าย เช่น ออมทรัพย์หรือกองทุนตลาดเงิน
✅ 5. วางแผนภาษี
- เก็บใบเสร็จ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับงานไว้หักลดหย่อน
- จดบันทึกรายได้ทุกครั้ง
- อาจจ้างนักบัญชีช่วยยื่นภาษีช่วงปลายปี
✅ 6. ลงทุนเพื่ออนาคต
- ฟรีแลนซ์ไม่มีเงินบำนาญจากบริษัท ควรลงทุนเพื่อเกษียณเอง เช่น:
- กองทุนรวม RMF/SSF
- ประกันชีวิตควบการออม
- หุ้นหรือกองทุนดัชนี
✅ 7. ประกันสุขภาพและชีวิต
- ซื้อประกันสุขภาพ/อุบัติเหตุเอง เพราะไม่มีสวัสดิการ
- ฟรีแลนซ์เจ็บป่วยแล้วขาดรายได้ได้ง่าย ต้องเตรียมแผนไว้ล่วงหน้า
✅ 8. วางแผนรับงานอย่างต่อเนื่อง
- กระจายลูกค้า ไม่พึ่งแค่เจ้าเดียว
- สร้างแบรนด์หรือพอร์ตโฟลิโอให้มีงานไหลเข้าเรื่อยๆ