เหตุผลที่ นักลงทุนมือสมัครเล่นก็สามารถชนะตลาดหุ้นได้

แชร์เรื่องนี้

เหตุผลที่ นักลงทุนมือสมัครเล่นก็สามารถชนะตลาดหุ้นได้ ตลาดหุ้นเป็นพื้นที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาล เปรียบเสมือนสนามประลองความรู้และไหวพริบของนักลงทุนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือมือสมัครเล่น ความซับซ้อนของตลาดหุ้น และการแพ้ – ชนะที่ตีค่าเป็นกำไร หรือขาดทุน อาจทำให้มือใหม่มีความกังวลที่จะก้าวเข้ามาร่วมในสนามประลองแห่งนี้ แต่แท้จริงแล้ว การเป็นมือสมัครเล่นก็มีข้อได้เปรียบบางประการ และความเชื่อที่ว่าชัยชนะเป็นของมืออาชีพไม่เป็นความจริงเสมอไป

“3 เหตุผลที่ นักลงทุนมือสมัครเล่นก็สามารถชนะตลาดหุ้นได้ ” ดังนี้

1. พลังของการเป็นผู้บริโภค

หลายคนอาจคิดว่านักลงทุนที่เลือกซื้อหุ้นถูกตัวแล้วได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ต้องเป็นคนที่มีความรู้ทางเทคนิคหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญในสถาบันการเงินที่รู้ข่าววงในก่อนใคร แต่แท้จริงแล้วการมองเห็นหุ้นเติบโตอาจมาจากประสบการณ์ง่าย ๆ ของการเป็นผู้บริโภคที่ต้องซื้อสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น ปีเตอร์ ลินซ์ นักลงทุนระดับปรมาจารย์ ผู้บริหารกองทุนชื่อดังของโลกอย่าง Fidelity Magellan Fund ได้ใช้พลังของการเป็นผู้บริโภคในการเลือกซื้อหุ้น ซึ่งหุ้นหลายตัวสามารถสร้างกำไรให้เขาได้เป็นกอบเป็นกำเพียงเพราะว่าเขาชอบสินค้าหรือบริการของบริษัทนั้น ๆ และมองเห็นแนวโน้มว่ามันกำลังจะเป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหุ้น Dunkin Donuts เพราะชอบทาน การซื้อหุ้น Volvo เพราะเขาใช้รถ Volvo และเชื่อมั่นว่ามันเป็นรถที่มีศักยภาพดี หรือแม้กระทั่งการซื้อหุ้นบริษัทผลิตถุงน่องแห่งหนึ่งที่ต่อมาทำกำไรได้มหาศาลเพียงเพราะภรรยาของเขาสังเกตเห็นความนิยมในบรรดาแม่บ้าน “พลังของการเป็นผู้บริโภค” เป็นแนวคิดที่บอกว่า ทุกการตัดสินใจซื้อของเรา คือการลงคะแนนเสียงให้กับโลกที่เราอยากอยู่ ซึ่งมีผลลัพธ์กว้างไกลกว่าที่คิด ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ต่อไปนี้คือสรุปของพลังนั้นใน 3 มิติ

มิติแรก พลังในการกำหนดทิศทางตลาด

ทุกครั้งที่เราซื้อสินค้า/บริการ เรากำลังส่งสัญญาณถึงตลาดว่า “เราต้องการสิ่งนี้”

  • ถ้าผู้บริโภคเลือกสินค้าออร์แกนิก สินค้าไร้พลาสติก หรือแบรนด์ที่มีจริยธรรม บริษัทต่างๆ จะ ปรับตัวเพื่อสนองตอบ
  • ตัวอย่าง: กระแส plant-based food เกิดจากความต้องการของผู้บริโภค ไม่ใช่การบังคับของรัฐบาล

มิติที่สอง พลังในการเปลี่ยนแปลงสังคม

แบรนด์จำนวนมากหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน และความเท่าเทียม ก็เพราะผู้บริโภคเรียกร้องและไม่สนับสนุนสิ่งที่ขัดกับค่านิยมของพวกเขา

  • เช่น การแบน fast fashion ที่ใช้แรงงานราคาถูก
  • หรือการสนับสนุนกิจการท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมชุมชน

– มิติที่สาม พลังในการเปลี่ยนแปลงตัวเองและสิ่งรอบตัว

การบริโภคอย่างมีสติ (conscious consumption) ไม่เพียงเปลี่ยนสังคม แต่ยังเปลี่ยนเรา

  • เราใช้เงินอย่างรู้คุณค่า
  • เราตัดสินใจโดยคำนึงถึงผลระยะยาว
  • เรากลายเป็นแบบอย่างให้คนรอบตัว

2. เลือกซื้อหุ้นได้อย่างอิสระไร้กฎเกณฑ์

เมื่อนักลงทุนมือสมัครเล่นเล็งเห็นหุ้นดีอนาคตสดใสสักตัว ก็จะสามารถเข้าซื้อหุ้นนั้นได้โดยไม่มีข้อกำหนดเรื่องราคาหรือปริมาณ และยังสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนพอร์ทการลงทุนของตนเองได้ตามใจชอบ ในขณะที่นักลงทุนมืออาชีพที่รับผิดชอบกองทุนขนาดใหญ่อาจต้องเจอกับกฎเกณฑ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนของพอร์ทการลงทุน การเลือกกลุ่มอุตสาหกรรม และบางครั้งอาจต้องตอบคำถามแหล่งเงินทุนให้ได้ว่าเหตุใดต้องเลือกซื้อหุ้นตัวนั้น ซึ่งข้อนี้กลายมาเป็นเงื่อนไขให้นักลงทุนมืออาชีพต้องห่วงหน้าพะวงหลัง จนอาจทำให้พลาดการลงทุนในหุ้นดี ๆ ไป “เลือกซื้อหุ้นได้อย่างอิสระไร้กฎเกณฑ์” ฟังดูน่าตื่นเต้นและให้อารมณ์ของการเป็นอิสระทางการเงิน แต่ก็มีทั้ง ข้อดีและข้อควรระวัง ที่ควรเข้าใจชัดเจนก่อนนำแนวคิดนี้ไปใช้จริง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ดังนี้

  • นักลงทุนทั่วไปไม่มีข้อจำกัดจากนโยบายองค์กร กฎ compliance หรือกรอบความเสี่ยงแบบมืออาชีพ
  • สามารถลงทุนในหุ้นเล็ก หุ้นเทคโนโลยี หุ้นต่างประเทศ หรือแม้แต่หุ้นที่ยังไม่ “ได้รับการยอมรับ” จากตลาดได้
  • เปิดโอกาสให้ใช้แนวทางของตัวเอง เช่น ลงทุนตามแนวคิด VI, DCA, Growth Investing, หรือแม้แต่ตาม passion ส่วนตัว

    3. ตัดสินใจได้รวดเร็วไม่พลาดโอกาสสำคัญ

    ในยุคสมัยที่เทรนด์โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมใหม่สลับสับเปลี่ยนกันเฟื่องฟู และราคาของหุ้นผันผวนไปมา ความไวจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้นักลงทุนชนะตลาดหุ้นได้ โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนมือสมัครเล่นมีความสามารถในการช่วงชิงโอกาสได้มากกว่านักลงทุนสถาบัน เพราะรับผิดชอบเพียงความเสี่ยงของตนเอง และไม่ต้องคอยรักษาภาพลักษณ์หรือความน่าเชื่อถือของการลงทุน พูดง่าย ๆ ว่า ไม่ต้องคอยแคร์สายตาใครเหมือนนักลงทุนมีอาชีพที่มีชื่อเสียงและต้องแบกกองทุนหรือผู้ลงทุนคนอื่น ๆ เอาไว้ แนวคิด “ตัดสินใจได้รวดเร็ว ไม่พลาดโอกาสสำคัญ” เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบของนักลงทุนรายย่อยหรือมือสมัครเล่น เพราะในโลกของการลงทุน จังหวะเวลา (timing) มักเป็นตัวแปรที่มีอิทธิพลสูง ต่อไปนี้คือการแจกแจงแนวคิดนี้อย่างชัดเจน พร้อมข้อดีและแนวทางใช้ให้ได้ผลจริง

    • นักลงทุนรายย่อยสามารถ ตัดสินใจทันที โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนอนุมัติจากทีม ที่ปรึกษา หรือหัวหน้ากองทุน
    • เมื่อเห็นโอกาส เช่น หุ้นที่ราคาปรับลงแรงผิดปกติ หรือข่าวเชิงบวกที่ตลาดยังไม่รับรู้เต็มที่ สามารถ เข้าซื้อหรือขายได้ทันที
    • ในบางสถานการณ์ ความล่าช้าเพียงไม่กี่นาทีก็อาจหมายถึงการพลาดโอกาสทำกำไรก้อนใหญ่

    ปัจจัยเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า เหตุผลที่ นักลงทุนมือสมัครเล่นก็สามารถชนะตลาดหุ้นได้ และสามารถฉวยโอกาสทำกำไรในตลาดหุ้นได้ไม่ต่างจากมืออาชีพ ถึงแม้มือใหม่บางท่านอาจจะยังขาดประสบการณ์หรือไม่มีองค์ความรู้เชิงเทคนิคมากนัก แต่การสร้างนิสัยมองหาโอกาสและไวต่อการเปลี่ยนแปลงรอบตัวเสมอ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จและชนะตลาดขึ้นมาได้

    ใส่ความเห็น

    อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *