การเลือกระหว่าง หุ้นพื้นฐานดี (Blue Chip หรือหุ้นที่มีงบการเงินมั่นคง กำไรสม่ำเสมอ) กับ หุ้นขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ (หุ้นเล็กหรือ Startup/Small Cap) ขึ้นอยู่กับ เป้าหมายการลงทุน ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และระยะเวลาการลงทุน ของคุณ โดยแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกันดังนี้
หุ้นพื้นฐานดี กับ หุ้นขนาดเล็ก
| หุ้นพื้นฐานดี (Blue Chip) | หุ้นขนาดเล็กเริ่มต้นธุรกิจ (Small Cap / Start-up) |
|---|---|
| ธุรกิจมั่นคง รายได้และกำไรสม่ำเสมอ | ธุรกิจยังไม่แน่นอน กำไรผันผวนหรืออาจขาดทุนได้ |
| ความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง | ความเสี่ยงสูง อาจขาดทุนหนักหรือเติบโตอย่างรวดเร็ว |
| โอกาสเติบโตปานกลาง | โอกาสเติบโตสูงมาก ถ้าธุรกิจประสบความสำเร็จ |
| สภาพคล่องสูง ซื้อขายง่าย | สภาพคล่องต่ำ ราคาผันผวนมาก |
| มักมีเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ | มักไม่มีปันผล นำรายได้กลับไปลงทุนต่อ |
| ข้อมูลเข้าถึงง่าย มีนักวิเคราะห์ติดตาม | ข้อมูลน้อย ต้องวิเคราะห์เอง |
| เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง | เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ หวังผลตอบแทนสูง |
| ตัวอย่าง: PTT, AOT, CPALL | ตัวอย่าง: หุ้น IPO, หุ้นในตลาด mai |
สรุป: เลือกอะไรดี?
| ประเมินความเสี่ยง | แนะนำการลงทุน |
|---|---|
| ต้องการความมั่นคง รายได้สม่ำเสมอ | หุ้นพื้นฐานดี |
| ยอมรับความเสี่ยงได้สูง หวังผลตอบแทนมาก | หุ้นขนาดเล็กที่มีศักยภาพ |
| อยากกระจายความเสี่ยง | ผสมทั้งสองแบบในพอร์ต (เช่น 70% หุ้นพื้นฐานดี + 30% หุ้นเล็ก) |
