AHA และ BHA สกินแคร์ผลัดเซลล์ผิว ต่างกันอย่างไร

แชร์เรื่องนี้

AHA และ BHA เป็นสารที่ใช้บ่อยมากในสกินแคร์ โดยเฉพาะกลุ่มที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดสิวค่ะ

AHA (Alpha Hydroxy Acid)

  • ที่มา: สกัดจากผลไม้ นม น้ำตาล เช่น Glycolic acid (จากอ้อย), Lactic acid (จากนม), Citric acid (จากผลไม้)
  • ทำงาน:
    • ผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่ตายแล้วออก
    • ทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใส
    • ช่วยให้รอยดำ รอยสิว และจุดด่างดำจางลง
    • เหมาะกับผิวแห้ง–ผิวธรรมดา (เพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้)

BHA (Beta Hydroxy Acid)

  • ที่มา: ที่เจอบ่อยคือ Salicylic acid (มักมาจากเปลือกต้นวิลโลว์)
  • ทำงาน:
    • ละลายในน้ำมันได้ จึงซึมเข้าไปทำความสะอาดรูขุมขน
    • ลดการอุดตัน สาเหตุของสิวหัวดำ สิวเสี้ยน และสิวอักเสบ
    • ลดการอักเสบและความมันส่วนเกิน
    • เหมาะกับผิวมัน–ผิวเป็นสิว

ตารางสรุปความแตกต่าง

คุณสมบัติAHA (Alpha Hydroxy Acid)BHA (Beta Hydroxy Acid)
ละลายได้ในน้ำน้ำมัน
ทำงานหลักผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใสซึมเข้ารูขุมขน ละลายไขมัน ลดการอุดตันและสิว
เหมาะกับผิวผิวแห้ง, ผิวหมองคล้ำ, รอยดำ รอยสิวผิวมัน, ผิวเป็นสิว, รูขุมขนอุดตัน
ผลลัพธ์หลัก– ลดจุดด่างดำ รอยสิว- ทำให้ผิวใสและเรียบเนียน- กระตุ้นคอลลาเจน– ลดสิวหัวดำ/สิวเสี้ยน- ควบคุมความมัน- ลดการอักเสบของสิว
ตัวอย่างกรดที่ใช้บ่อยGlycolic acid, Lactic acid, Citric acidSalicylic acid
ข้อควรระวังอาจทำให้ผิวแสบ แดง ลอกถ้าเข้มข้นสูงอาจทำให้ผิวแห้ง ตึง และลอก โดยเฉพาะถ้าใช้บ่อยเกินไป
การใช้ที่เหมาะสมสัปดาห์ละ 1–3 ครั้ง เริ่มจากความเข้มข้นต่ำ (5% ขึ้นไปอย่างระวัง)สัปดาห์ละ 1–3 ครั้ง เริ่มจาก 0.5–2%
สิ่งที่ต้องทำร่วมด้วยต้องใช้ครีมกันแดดทุกวัน (เพราะผิวไวต่อแสงมากขึ้น)ต้องใช้ครีมกันแดดเช่นกัน (แม้จะน้อยกว่า AHA แต่ก็ยังไวต่อแดด)

ข้อควรรู้เวลาใช้ AHA BHA

  1. เริ่มจากความเข้มข้นต่ำ เพื่อให้ผิวปรับตัว เช่น AHA 5% หรือ BHA 0.5–2%
  2. ใช้สัปดาห์ละ 1–2 ครั้งก่อน แล้วค่อยเพิ่มความถี่
  3. ห้ามลืมกันแดดตอนเช้า เพราะผิวจะไวต่อแสงมากขึ้น
  4. อย่าใช้พร้อมกับสารแรง ๆ หลายตัว (เช่น เรตินอล, วิตามินซีแรง ๆ) ถ้าไม่มั่นใจว่าผิวทนได้

ข้อควรระวังในการใช้ AHA / BHA

ข้อควรระวังในการใช้ AHA และ BHA มีหลายอย่างที่สำคัญค่ะ เพราะแม้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดสิวได้ดี แต่ถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจทำให้ผิวพังได้

  1. เริ่มจากความเข้มข้นต่ำเสมอ
    • AHA ประมาณ 5%
    • BHA ประมาณ 0.5–2%
      เพื่อทดสอบว่าผิวทนได้หรือไม่
  2. ใช้ไม่บ่อยเกินไป
    • เริ่มต้นสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง
    • ถ้าใช้ทุกวันตั้งแต่แรกอาจทำให้ผิวบาง แสบ แดง และลอก
  3. ทดสอบการแพ้ก่อน (Patch test)
    • ทาที่ท้องแขนหรือหลังหูก่อน 24 ชม. เพื่อดูว่ามีผื่นแดงหรือคันไหม
  4. เลี่ยงการใช้พร้อมกับสารบางชนิด
    • เรตินอล (Retinol) → ระคายเคืองเกินไป
    • วิตามินซี (Vitamin C ที่เข้มข้น) → ผิวอาจระคายเคือง
    • ผลิตภัณฑ์สครับเม็ดบีดส์ → ทำให้ผิวบางและอักเสบได้ง่าย
  5. ทาครีมกันแดดทุกวัน
    • หลังใช้ AHA/BHA ผิวจะไวต่อแดดขึ้นมาก
    • ถ้าไม่ทากันแดด เสี่ยงผิวคล้ำ ดำไว หรือเกิดฝ้า
  6. งดใช้บนผิวที่แผลสดหรือผิวไหม้แดด
    • เพราะจะยิ่งแสบ ระคายเคือง และชะลอการหาย
  7. ไม่เหมาะกับทุกคน
    • คนที่มีผิวแพ้ง่ายมาก ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อน
    • สตรีตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง BHA (Salicylic acid เข้มข้นสูง)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *