หากพูดถึงการลงทุนและการออมระยะยาว หลายคนมักจะนึกถึงการฝากประจำ การซื้อพันธบัตรรัฐบาล การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือการซื้อกองทุนรวม แต่กลับมองข้ามการลงทุนในหุ้นไป เพราะคิดว่าหุ้นเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง เข้าใจยาก ต้องใช้เงินเยอะ ซึ่งก็เป็นความเข้าใจที่ไม่ผิดนัก แต่แท้จริงแล้วยังมีหุ้นประเภทหนึ่งที่สามารถเก็งกำไรระยะยาวได้และให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอได้ด้วย นั่นคือ “หุ้นปันผล” ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นเอง
ข้อดีของการออมด้วยหุ้นปันผล
หุ้นปันผลมีข้อดีที่โดดเด่นกว่าการออมระยะยาวประเภทอื่น ๆ คือ ลักษณะการเป็นลูกผสมระหว่างการเก็งกำไรที่อาจได้รับผลตอบแทนสูง และการออมที่มีปันผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอ โดยทั่วไปแล้วหุ้นกลุ่มนี้จะมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอไม่ว่าหุ้นจะผ่านช่วงเวลาที่มูลค่าหุ้นขึ้นหรือลง นอกเสียจากว่าบริษัทจะเผชิญกับภาวะวิกฤต ซึ่งกรณีแบบบนี้มีให้เห็นได้ไม่บ่อยนัก
ตามสถิติของตลาดหุ้นไทย หุ้นที่ให้ปันผลดีและมีความต่อเนื่องนั้น มักจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มเทคโนโลยี โดยให้ปันผลเฉลี่ยทั้งกลุ่มมากกว่า 4% และบางตัวก็จ่ายปันผลราว ๆ 6% – 8% เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นหุ้น ผู้ลงทุนก็ต้องพร้อมรับความเสี่ยงอยู่เสมอ เพราะการเติบโตและการจ่ายปันผลนั้นอาจไม่คงที่ มีขึ้นมีลงได้ตามปัจจัยแวดล้อม ผลประกอบการ และนโยบายของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถลดความเสี่ยงนี้ได้ด้วยการศึกษาเทคนิคการเลือกหุ้นปันผลที่มีพื้นฐานดี
เทคนิคการเลือกหุ้นปันผลเน้นหุ้นพื้นฐานดี
หุ้นปันผลที่ดีจะมีแนวโน้มเติบโตได้ในระยะยาว และมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยจะสามารถสังเกตได้จากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- บริษัทมีความมั่นคง สังเกตได้จากงบการเงินย้อนหลังที่ควรมีกระแสเงินสดเป็นบวกอยู่เสมอ และมีหนี้สินน้อย
- สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง การทำกำไรจะสะท้อนความสามารถของผู้บริหารในการดำเนินงานให้เป็นไปในทางที่ถูกต้อง และสะท้อนว่าสินค้าของบริษัทยังคงมีการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
- มีนโยบายการจ่ายปันผลที่ดี บริษัทที่เน้นตอบแทนนักลงทุนมักจะมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
การลงทุนและการออมระยะยาวไม่จำเป็นต้องเป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องต่ำและมีค่าตอบแทนน้อยอย่างคงที่เสมอไป เราสามารถออมและลงทุนระยะยาวในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงอย่างหุ้นได้เช่นกัน โดยลดความเสี่ยงนั้นด้วยการศึกษาข้อมูลหุ้นแต่ละตัวอย่างละเอียดถี่ถ้วน และติดตามสถานการณ์แวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้เราจะมีทรัพย์สินเติบโตที่มีค่าตอบแทนโดยเฉลี่ยสูงกว่าการฝากประจำหรือการเก็งกำไรประเภทอื่น แถมยังมีสภาพคล่องมากกว่าอีกด้วย